วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

การจับชีพจร


การจับชีพจร
            การจับชีพจร
                ชีพจร คือ การหดตัวและการขยายตัวของหลอดเลือดแดงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เมื่อจับดู จะรู้สึกว่าเป็นเส้นๆ หยุ่นๆ แน่นๆ ภายในเส้นนี้มีเลือดสม่ำเสมอ เมื่อกดลงจะรู้สึกเต้น ซึ่งจะตรงกับการเต้นของหัวใจ ปกติผู้ใหญ่เมื่อพักแล้วชีพจรจะเต้นประมาณ 60-80 ครั้งต่อนาที เฉลี่ย 72 ครั้งต่อนาที ส่วนในทารกและเด็กเล็ก ประมาณ 90-140 ครั้งต่อนาทีหรือมากกว่านั้น เราสามารถจับชีพจรได้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย ดังนี้
  1. ที่ข้อมือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ
  2. ที่ขมับ
  3. มุมกระดูกขากรรไกรล่าง
  4. ข้างๆคอ
  5. ข้อพับแขน
  6. ขาหนีบ
  7. บริเวณขาพับ
  8. บนหลังเท้าทางนิ้วหัวแม่เท้า
วิธีจับชีพจร
  1. ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง ใช้นิ้วกลางสัมผัสกับชีพจรมากกว่าอีก 1 นิ้ว
  2. อย่าใช้นิ้วหัวแม่มือ
  3. ให้อวัยวะส่วนที่จับ วางลงราบๆโดยมีที่หนุน อย่ายกแขนผู้ป่วยขึ้นจับ
  4. นับครึ่งนาทีหรือ 1 นาที ถ้าผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องนับทั้ง 2 ข้าง และนับให้เต็ม 1 นาที ถ้าสงสัยควรนับใหม่

การปฐมพยาบาลสัตว์กัด

สุนัขกัด
  1. ถ้าเลือดออก ห้ามเลือนทันที (ด้วยผ้าก็อซหรือบีบแผล)
  2. ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ปิดด้วยผ้าก็อซสะอาด
  3. รีบไปพบแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีน

งูกัด
  1. ดูรอยแผล ถ้าเป็นงูพิษจะมีรอยเขี้ยว
  2. ใช้เชือกรัดหรือยาง หรือเข็มขัดรัดเหนือแผลให้แน่นพอควร
  3. ให้นอนนิ่ง ๆ คอยปลอบใจ
  4. ห้ามดื่มสุรา ,ยาดองเหล้า ,ยากล่อมประสาท
  5. ถ้าอยุดหายใจให้ช่วยหายใจทันที
  6. ควรนำงูไปพบแพทย์ด้วย

แมลงต่อย
  1. ถ้าถูกต่อยหายตัว หรือต่อยบริเวณหน้า ให้รีบไปพบแพทย์
  2. พยายามถอนเหล็กไน (โดยใช้หลอดกาแฟเล็ก ๆ แข็ง ๆ หรือปากกาครอบแล้วกดให้เหล็กในโผล่ แล้วดึงเหล็กไนออก)
  3. ใช้ยาแก้แพ้ทา หรือราดด้วยน้ำโซดา หรือประคบด้วยน้ำแข็ง (ปกติอาการบวมจะลดลงใน 1 วันถ้าไม่ลดให้พบแพทย์)
  4. ถ้ามีอาการปวด กินยาแก้ปวด (พาราเซตามอล)

การปฐมพยาบาลไฟฟ้าช็อต

ไฟฟ้าช็อต
  1. รีบปิดสวิตซ์ไฟทันที
  2. ถ้าไม่สามารถปิดสวิทช์ไฟได้ ห้ามใช้มือจับต้องคนที่กำลังถูกไฟช็อตแล้วให้นำสิ่งที่ไม่นำไฟฟ้า เช่น ไม้กวาด ,เก้าฮีไม้ เขี่ยออกจากสายไฟ หรือเขี่ยสายไฟออกจากตัวผู้บาดเจ็บ
  3. เมื่อผู้ป่วยหลุดออกมาแล้ว รีบปฐมพยาบาล ถ้าหยุดหายใจ ให้ทำการเป่าปากช่วยหายใจ ถ้าคลำชีพจรไม่ได้ ให้นวดหัวใจด้วย แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลด้วย

สำลักหรือมีสิ่งของไปอุดหลอดลม

สำลักหรือมีสิ่งของไปอุดหลอดลม
  1. ทารก --ตบอย่างรวดเร็วกลางหลัง 4 ครั้ง ในท่าที่ศรีษะอยู่ต่ำกว่าปอด
  2. เด็กเล็ก ---ตบกลางหลังหนัก ๆ 4 ครั้ง ในท่าที่ศรีษะอยู่ต่ำกว่าปอด
  3. เด็กโตและผู้ใหญ่ --ตบหนัก ๆ และเร็ว ๆ กลางหลัง 4 ครั้งในท่าที่ศรีษะอยู่ต่ำกว่าปอด

ผู้ป่วยช็อค


สาเหตุ
  • โรคหัวใจกำเริบ ,บาดเจ็บรุนแรง , เลือดออกมาก ,ไฟไหม้น้ำร้อนลวก ,กระดูกหัก ,อาเจียน หรือท้องเสียรุนแรง

อาการ
  • หนาวเย็น ,เหงื่อออก , เวียนศรีษะ , หายใจเร็วขึ้น ,ชีพจรเร็วแต่แผ่ว ,กลัว ,กระหาย

การปฐมพยาบาลการปฐมพยาบาล
  • ให้นอนราบ ,ถ้าเลือดออกห้ามเลือด ,ห่มผ้า ,คลายเสื้อผ้า
  • อย่าเคลื่อนไหวผู้ป่วย, ถ้าบาดเจ็บที่อก, ท้อง, ศรีษะ ให้หนุนศรีษะและบ่าให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย คอยปลอบใจ
  • ถ้ากระหายน้ำมาก ให้หยดน้ำที่ริมฝีปากนิด ๆ (ห้ามรัปประทานสิ่งใด ๆ )

การปฐมพยาบาลเลือดออก

เลือดออก
  1. ใช้นิ้วกดบาดแผล ประมาณ 10 นาที หรือบีบเนื้อข้าง ๆ มาปิดแผล
  2. ใช้ผ้าหรือเน็คไท พันปิดแผลไว้ (อย่าให้แน่นจนชา)
  3. แผลที่แขน , ขาให้ยกสูง ถ้าเลือดไหลไม่ให้กดเส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงแขน ขา

การปฐมพยาบาลกระดูกหัก

กระดูกหัก
  1. วางอวัยวะส่วนนั้นบนแผ่นไม้หรือหนังสือหนา ๆ
  2. ใช้ผ้าพันยึดไม้ให้เคลื่อนไหว
  3. ถ้าเป็นปลายแขนหรือมือใช้ผ้าคล้องคอ

การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บที่ตา

กรดหรือด่างเข้าตา
  • อย่าขยี้ตา ,ล้างด้วยน้ำสะอาดมาก ๆ
  • รีบไปพบแพทย์

ถูกของแหลมทิ่ม
  • ให้นอนหลับตา
  • ปิดตาด้วยผ้ากอซหรือผ้าเช็ดหน้า
  • อย่าขยับสายตาไปมา
  • รีบพบแพทย์ทันที

สิ่งแปลกปลอมเข้าตาขาว
  • ขยี้ตาเบา ๆ กระพริบตา , ล้างตาหรือเงยสายตาขึ้นด้านบน
  • ใช้มุมผ้าเช็ดหน้าเขี่ยผงออก
  • ถ้าไม่ออก ไปพบแพทย์

ถูกกระแทกที่ดวงตา
  • ประคบด้วยความเย็นทันที
  • รีบไปพบแพทย์

ความปลอดภัยสำหรับเด็ก

ความปลอดภัยสำหรับเด็ก
  1. อย่าปล่อยทารกหรือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบไว้กับสิ่งใดที่อุดตันทางเดินหายใจได้ เช่นถุงพลาสติก ให้เลือกของเล่นชิ้นใหญ่ ๆ ที่ใส่ปากไม่ได้
  2. อย่าให้หมอนกับทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี
  3. อย่าทิ้งทารกไว้กับขวดนมหรืออาหารนมหรืออาหารตามลำพัง (เพราะอาจทำให้เด็กสำลักได้)
  4. ห้ามให้ถั่วลิสง ,น้อยหน่า, มะขาม แก่เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ
  5. อย่าปล่อยเด็กทารกไว้บนเตียงกับคุณนาน ๆ (เพราะอาจเผลอหลับทับเด็กได้)
  6. อย่าปล่อยเด็กหรือทารกไว้บนที่ยกสูงตามลำพัง
  7. รถหัดเดินควรมีฐานและล้อที่แข็งแร็ง
  8. อย่าปล่อยเด็กหรือทารกไว้บนเก้าฮี้สูงโดยไม่มีเครื่องรัดตัว
  9. อย่าให้เด็กสวมถุงหน้าเดินไปเดินมา
  10. อย่าวางแจกันแก้ว ,กาน้ำร้อนไว้บนโต๊ะเตี้ย หรือในระยะที่เด็กเอื้อมมือถึง
  11. หาที่ครอบปลั๊กไฟและสอนไม่ให้เล่นปลั๊กไฟ ,พัดลม เมื่อเด็กเรียนรู้และสอนจุดอันตรายต่าง ๆ ให้เด็กทราบ
  12. ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบข้ามถนนตามลำพังและจูงมือเด็กที่ต่ำกว่าอายุ 5 ขวบข้ามถนนเสมอ
  13. อย่าถือของร้อน ,ถ้วยกาแฟร้อน ๆ เหนือศรีษะเด็ก
  14. บ้านที่มีเด็กในวัยหัดเดินเตาะแตะ ไม่ควรใช้ผ้าปูโต๊ะที่มีชายให้เด็กดึงได้

ยาที่ควรมีไว้ในตู้ยาประจำบ้าน


ยาที่ควรมีไว้ในตู้ยาประจำบ้าน
  1. ยาแก้ปวดลดไข้ : ยาเม็ดพาราเซตามอล 500 มก.
  2. ยาแก้แพ้,ลดน้ำมูก : ยาเม็ดคลอเฟนิรามีน 4 มก. ,2 มก.
  3. ยาแก้ปวดท้องท้องอืด ท้องเฟ้อ : ยาธาตุน้ำแดง ,ยาธาตุน้ำขาว , โซดามิ้นท์ , ขมิ้นชันแคปซูล
  4. ยาโรคกระเพาะ : ยาเม็ดอลูมินาเมกนีเซีย , ไตรซิลิเคท
  5. ยาแก้ท้องเสีย : ยาน้ำเคาลินเปคติน ผงน้ำตาลเกลือแร่
  6. ยาใส่แผล : ทิงเจอร์ใส่แผลสด , ไอโปดีน
  7. ยาล้างตา : โบริคโซลูชั่น
  8. ยาล้างแผล เช็ดแผล : ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ , แอลกอฮอล์เช็ดแผล
  9. ยาทาแก้แพ้แก้คัน : คาลาไมน์
  10. ยาทานวด : ขี้ผึ้งปวดบวม , ครีมระกำ , GPO บาล์ม
  11. ยาแก้ไอผู้ใหญ่ : ยาแก้ไอน้ำดำ , ยาขับเสมหะ
  12. ยาแก้ไอเด็ก : ยาแก้ไอขับเสมหะ , ยาแก้ไอเด็กเล็ก ,
  13. ยาระบาย : ยาระบายเม็กนีเซีย , มะขามแขก , ยาเม็ดมะขามแขก
  14. ยาสูดดม : เหล้าแอมโมเนีย

อุปกรณ์ปฐมพยาบาล

อุปกรณ์ปฐมพยาบาล
  1. สำลี
  2. ผ้ากอซแผ่นชนิดฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด (แอลกอฮอล์)
  3. คีมสำหรับบ่งเสี้ยน
  4. ผ้าสามเหลี่ยม
  5. ผ้ากอซพันแผลขนาดต่าง ๆ
  6. กรรไกรขนาดกลาง
  7. เข็มกลัดซ่อนปลาย
  8. แก้วล้างตา
  9. พลาสเตอร์ม้วน ชิ้น
  10. ผ้ายืดพันแก้เคล็ดขัดยอก ( Elsatic bandage)
  11. ผ้ากอซชุลพาราฟินสำหรับแผลไฟไหม้

การปฏิบัติสำหรับกรณีฉุกเฉิน



การปฏิบัติสำหรับกรณีฉุกเฉิน
  1. ตั้งสติให้ได้อย่าตกใจ
  2. ขอความช่วยเหลือ
  3. ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
    • ช่วยหายใจ ให้อากาศเข้าปอดสะดวก คลายเสื้อผ้าให้หลวม
    • ห้ามเลือด
    • นอนนิ่ง ๆ ห่มผ้า คอยสังเกตอาการ จับชีพจรเป็นระยะ
    • ถ้ามีกระดูกหักอย่าเคลื่อนย้าย
    • ห้ามรัปประทานสิ่งใด (ถ้าไฟลวกรุนแรงให้จิบน้ำคำเล็ก ๆ )